ในขณะที่ มาซามิ คุรุมาดะ กำลังวางเค้าโครงเนื้อเรื่องของผลงานเรื่องใหม่อยู่ เขาก็ได้พบภาพของ "ฝนดาวตกสิงโต" เข้า ฝนดาวตกจำนวนมหาศาลที่ตกลงมาจากท้องฟ้านั้น ดูคล้ายกับลักษณะของเซนต์มาก คุรุมาดะจึงคิดจะออกแบบให้ตัวเอกของเรื่องเป็นราศีสิงห์ แต่หลังจากได้ค้นข้อมูลต่างๆ เพิ่มเติม เขาก็พบกลุ่มดาวม้าบิน ซึ่งม้าบินหรือเพกาซัสที่กำลังอยู่ในท่าทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ตรงกับภาพลักษณ์ของตัวเอกที่คุรุมาดะกำหนดเอาไว้เป็นอย่างมาก เขาจึงตัดสินใจเลือกเพกาซัสให้เป็นกลุ่มดาวประจำตัวเอก และนำลักษณะของฝนดาวตกกลุ่มดาวสิงโต (Leonids) มาเป็นต้นแบบของท่าไม้ตายของตัวเอก แล้วคุรุมาดะก็ตั้งชื่อให้กับตัวเอกของเรื่องว่า "เซย์ย่า"[1]
เมื่อวางเค้าโครงเรื่องเสร็จ คุรุมาดะก็เลือกกลุ่มดาวขึ้นมา 10 กลุ่มดาว (จากทั้งหมด 88 กลุ่มดาว) และกำหนดให้เป็นบรอนซ์เซนต์ทั้ง 10 คน ส่วนกลุ่มดาวอื่นๆ ที่เหลืออีก 78 กลุ่มดาว ก็ได้รับการออกแบบให้เป็นเซนต์ในระดับต่างๆ ซึ่งมีความสามารถที่แตกต่างกันไป[1]
[แก้] ความนิยม
เซนต์เซย์ย่าเป็นหนึ่งในผลงานที่ตีพิมพ์ออกมาในช่วงยุคทองของนิตยสารจัมป์รายสัปดาห์ ซึ่งเป็นช่วงที่มีการ์ตูนดังๆ ในยุค'80 ตีพิมพ์อยู่หลายเรื่อง เช่น ดราก้อนบอล ฤทธิ์หมัดดาวเหนือ คินนิคุแมน โรงเรียนลูกผู้ชาย และซิตี้ฮันเตอร์ มีเนื้อหาเกี่ยวกับกลุ่มนักรบเด็กหนุ่มห้าคน (เซนต์) ซึ่งต่อสู้โดยใช้ร่างกายของตนเองเป็นอาวุธ ในโลกร่วมสมัยที่มีบรรยากาศของเทพปกรณัมกรีก เด็กหนุ่มทั้งห้าคนนี้ได้รับมอบหมายหน้าที่ให้ปกป้อง คิโดะ ซาโอริ ผู้เป็นอวตารของเทพีเอเธนา เทพีแห่งปัญญาและสงคราม และต่อสู้กับทัพศัตรูแห่งความชั่วร้าย ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูงจากทั้งผู้ชมที่เป็นผู้ชายและผู้หญิง ต่อมาเมื่อถูกสร้างเป็นอะนิเมะออกอากาศทางโทรทัศน์ ก็มีกระแสตอบรับที่ดีจนได้ออกอากาศติดต่อกันนานเกือบ 3 ปี ส่งผลให้สินค้าต่างๆ ที่เกี่ยวกับเซนต์เซย์ย่า เช่น วิดีโอภาพยนตร์การ์ตูน ซอฟต์แวร์เกม หุ่นฟิกเกอร์และหุ่นเหล็กในรูปแบบต่างๆ ที่ผลิตโดยบริษัทบันไดในช่วงนั้น ได้รับความนิยมและขายดีเป็นอย่างมากทั้งในประเทศญี่ปุ่นและต่างประเทศ[2][3][4] ยิ่งไปกว่านั้นในปัจจุบันยังได้มีการผลิตของเล่นที่เรียกว่า เซนต์คลอธมิธ ซึ่งเป็นเหมือนกับหุ่นแอคชันฟิกเกอร์รุ่นปรับปรุงใหม่ออกมาวางจำหน่ายอีกด้วยนอกจากนี้ เซนต์เซย์ย่า ยังได้สร้างอิทธิพลให้แก่การ์ตูนญี่ปุ่นในยุคต่อมาอย่าง ซามูไรทรูปเปอร์ ที่สร้างโดยซันไรส์ ในปี พ.ศ. 2531 และชูราโตะยอดองครักษ์ ที่สร้างโดยทัตสึโนะโกะโปร ในปี พ.ศ. 2532 ซึ่งแนวเรื่องของผลงานทั้ง 2 ที่กล่าวมา ต่างก็เน้นในด้านการต่อสู้และมิตรภาพของเหล่าเด็กหนุ่มที่สวมชุดเกราะ โดยรูปแบบของเกราะจะแยกชิ้นส่วนมาประกอบเข้ากับร่างกายเช่นเดียวกับในเรื่องเซนต์เซย์ย่า[4][5]
ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากในประเทศไทยแล้ว เซนต์เซย์ย่ายังได้ไปแพร่ภาพทางโทรทัศน์ในประเทศต่างๆ อีกหลายประเทศ ทั้งในแถบเอเชียด้วยกัน เช่น ประเทศจีน ฮ่องกง สิงคโปร์ และอีกฟากของทวีปอย่างแถบยุโรป สหรัฐอเมริกา รวมไปถึงลาตินอเมริกา โดยถึงแม้ว่าในแถบยุโรปจะมีความเข้มงวดเกี่ยวกับฉากต่อสู้ที่มีความรุนแรงในเรื่อง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เซนต์เซย์ย่าเสื่อมความนิยมลงแต่อย่างใด เพราะหลังจากที่แพร่ภาพจบชุด ยังถูกนำกลับมาฉายใหม่อีกหลายครั้ง ส่วนที่ประเทศเม็กซิโกในแถบละตินอเมริกา ก็ได้มีการแพร่ภาพเรื่องเซนต์เซย์ย่าถึง 14 ครั้งด้วยกัน[4]
และจากการถูกนำไปแพร่ภาพในหลายๆ ประเทศ ทำให้ชื่อเรื่อง เซนต์เซย์ย่า ได้รับการตั้งขึ้นใหม่ตามภาษาและวัฒนธรรมของบางประเทศ เช่น ช่องการ์ตูนเน็ตเวิร์กในสหรัฐอเมริกาใช้ชื่อว่า "Knights of the Zodiac" ภาษาฝรั่งเศสใช้ชื่อว่า "Les Chevaliers du Zodiaque" ภาษาอิตาลีใช้ชื่อว่า "I Cavalieri dello zodiaco" ภาษาโปรตุเกสใช้ชื่อว่า "Os Cavaleiros do Zodíaco" ภาษาโปแลนด์ใช้ชื่อว่า "Rycerze Zodiaku" เป็นต้น
[แก้] เนื้อเรื่อง
เนื้อเรื่องของเซนต์เซย์ย่านั้น ในฉบับมังกะสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ภาค ด้วยกัน ได้แก่ ภาคศึก12 ราศีภาคโพเซดอน และภาคฮาเดส แต่ในอะนิเมะนั้น ได้เพิ่มภาคอาสการ์ดเข้ามา ซึ่งเป็นภาครอยต่อระหว่าง ภาคศึก 12 ราศีและภาคโพเซดอน นอกจากนี้ ยังได้มีการแต่งเนื้อเรื่องเพิ่มขึ้นมาในภายหลังอีกหลายภาคด้วยกัน สำหรับเนื้อเรื่องย่อของภาคต่าง ๆ มีดังนี้[แก้] ภาคศึก 12 ราศี (Sanctuary Chapter)
หลังจากที่ไอโอลอสได้ช่วยเหลือเอธนาที่ยังเป็นเพียงเด็กทารกจากการลอบสังหารของเคียวโก (เจมินี่ ซากะ) แล้ว ไอโอลอสได้ฝากเอเธน่าและชุดคล็อธซาจิทาเรียสไว้กับคิโด มิสึมาสะเป็นผู้ดูแล เนื้อเรื่องหลังจากนั้นของภาคแซงค์ทัวรี อาจจะแบ่งย่อย ๆ ได้เป็น- ศึกกาแล็คเซียนวอร์ส
- เริ่มต้นจากการคัดเลือกเหล่าเด็กกำพร้า 100 คน จากสถานที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศแล้วส่งไปฝึกฝนเพื่อให้ได้เป็นเซนต์ โดยมีผู้ที่สามารถฝึกสำเร็จจนได้เป็นบรอนซ์เซนต์ (Bronze saint) เพียง 10 คนเท่านั้น หลังจากนั้น คิโดะ ซาโอริจึงได้จัดการประลองขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่น เรียกว่า "ศึกกาแล็คเซียนวอร์ส" ซึ่งเป็นการประลองระหว่างบรอนซ์เซนต์ทั้ง 10 คน เพื่อหาผู้ชนะที่จะได้ครอบครองชุดคล็อธซาจิทาเรียส ในระหว่างการต่อสู่ระหว่างเหล่าเซนต์นั้น ฟินิกซ์ อิคคิ บรอนซ์เซนต์คนที่ 10 ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมา พร้อมกับเหล่าแบล็คเซนต์ แล้วได้ขโมยชิ้นส่วนของชุดคล็อธซาจิทาเรียสไป ดังนั้น พวกเซย์ย่าจึงมีหน้าที่ที่จะต้องนำชุดคล็อธซาจิททาเรียสกลับคืนมาให้ได้[6]
- การต่อสู้กับแบล็คเซนต์
- หลังจากที่แบล็กเซนต์ได้ขโมยเอาชุดคล็อธซาจิททาเรียส พวกเซย์ย่าได้เดินทางไปยังภูเขาไฟฟูจิ ซึ่งเป็นจุดที่เหล่าแบล็คเซนต์ (Black Saint) อยู่ พวกเซย์ย่าได้ต่อสู้กับอิคิและเหล่าแบล็คเซนต์จนสามารถนำชุดคล็อธซาจิทาเรียสกลับคืนมาได้ หลังจากการต่อสู้นั้น ภูเขาฟูจิก็ได้ถล่มลงมาซึ่งเป็นฝีมือของซิลเวอร์เซนต์ (Silver Saint) ที่ได้รับคำสั่งจากเคียวโกให้มากำจัดพวกเซย์ย่า นั่นเอง แต่พวกเซย์ย่าก็สามารถหนีออกมาจากใต้ภูเขาได้โดยความช่วยเหลือของ อาริเอส มู[7]
- การต่อสู้กับซิลเวอร์เซนต์
- ซิลเวอร์เซนต์ปรากฏตัวขึ้นหลังจากการต่อสู้กับเหล่าแบล็คเซนต์เพื่อกำจัดพวกเซย์ย่าตามคำสั่งของเคียวโก แต่พวกเซย์ย่าก็สามารถกำจัดเหล่าซิลเวอร์เซนต์ที่ถูกส่งมาได้ถึง 10 คน ซึ่งในบรรดาเหล่าซิลเวอร์เซนต์ที่ถูกส่งมานั้น ก็มีมารีนและไชน่าที่ได้ให้ความช่วยเหลือพวกเซย์ย่าในการต่อสู่ครั้งนี้ด้วย เมื่อซิลเวอร์เซนต์ที่เคียวโกส่งมาถูกกำจัดลง เคียวโกจึงได้ส่งโกลด์เซนต์ (Gold Saint) ไอโอเลีย มากำจัดเซย์ย่า ซึ่งจากการเดินทางมากำจัดเซย์ย่าในครั้งนี้ ทำให้ไอโอเลียได้รู้ความจริงว่าคิโดะ ซาโอรินั้น เป็นร่างจุติของเอเธน่าที่ไอโอลอสได้ช่วยชีวิตไว้เมื่อ 13 ปีก่อนนั่นเอง [8]
- การต่อสู้กับเหล่าโกลด์เซนต์
- เอเธน่าตัดสินใจเดินทางไปยังแซงค์ทัวรี่เพื่อเข้าพบเคียวโก แต่เอเธน่าได้ถูกลูกศรทองคำของซิลเวอร์เซนต์ ซาจิตต้า เทรมี่ ปักเข้าที่หัวใจ ซึ่งพวกเซย์ย่าจะต้องบุกเข้าไปยัง 12 ปราสาทแห่งแซงค์ทัวรี่ภายใน 12 ชั่วโมง เพื่อพาเฮียวโกมามาช่วยเหลือเอเธน่าให้ปลอดภัย ปราสาท 12 แห่งของแซงค์ทัวรี่นั้นมีเหล่าโกลด์เซนต์ 12 คนเป็นผู้ดูแลประจำแต่ละปราสาท ดังนั้น การที่จะขึ้นไปยังเทวสถานอาธีน่านั้น จำเป็นต้องล้มโกลด์เซนต์ทั้ง 12 คนไปให้ได้เสียก่อน ซึ่งไม่มีใครสามารถทำได้ตั้งแต่สมัยเทพนิยาย อย่างไรก็ตาม อาริเอส มู ได้แนะนำให้พวกเซย์ย่าปลุกพลังเซเว่นเซนส์ (Seventh Sense) ซึ่งเป็นพลังคอสโมสูงสุดขึ้นมา พวกเซย์ย่าสามารถปลุกพลังเซเว่นเซนส์และสามารถผ่านปราสาททั้ง 12 แห่ง และสามารถเอาชนะเคียวโก (เจมินี่ ซากะ) จนไปถึงเทวสถานอาธีน่าและใช้โล่ที่รูปปั้นอาธีน่าช่วยชีวิตคิโดะ ซาโอริเอาไว้ได้ ในการต่อสู้ครั้งนี้ทำให้โกลด์เซนต์บางส่วนได้เสียชีวิตไป ได้แก่ เจมินี่ ซากะ, แคนเซอร์ เดธมาสค์, แคปริคอร์น ชูร่า, อควอเรียส คามิว และ พิสซิส อโฟรดิตี้ ส่วนเหล่าโกลด์เซนต์ที่เหลือก็ได้ถวายความจงรักภักดีต่อเอเธน่า[9]
[แก้] ภาคศึกอัศวินแห่งแอสการ์ด
ภาคศึกอัศวินแห่งแอสการ์ด เป็นเนื้อเรื่องที่แต่งขึ้นมาสำหรับภาคอะนิเมะ ไม่มีในมังงะ โดยเนื้อเรื่องเริ่มขึ้นหลังเสร็จสิ้นจากศึก 12 ปราสาทแห่งแซงค์ทัวรี่ โดยโพราลีส ฮิลด้า ผู้ปกครองแคว้นแอสการ์ด ผู้ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวแทนของเทพเจ้าโอดีน ถูกอำนาจของ "แหวนนีเบอลุง" เข้าครอบงำ ซึ่งทำให้ฮิลด้ามีความต้องการที่จะครอบครองแซงค์ทัวรี่และพื้นพิภพทั้งหมด โดยมีก็อดวอริเออร์ทั้ง 7 เป็นผู้คุ้มครอง เอเธน่าได้เดินทางมายังแอสการ์ดเนื่องจากรับรู้ถึงสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้น และได้เสียสละตนทำหน้าที่ยับยั้งการละลายของน้ำแข็งขั้วโลก เพื่อช่วยโลกและเอเธน่าพวกเซย์ย่าจึงต้องรวบรวมโอดีนแซฟไฟร์ซึ่งจะได้มาโดยการกำจัดเหล่าก็อดวอริเออร์ทั้ง 7 คน เพื่อนำมาใช้ถอดแหวนนีเบอลุงออกจากนิ้วของฮิลด้าให้ได้ภายในเวลาครึ่งวัน หลังจากที่พวกเซย์ย่าสามารถโค่นก็อดวอริเออร์ทั้ง 7 คนและรวบรวมโอดีนแซฟไฟร์ครบ 7 เม็ดแล้ว เซย์ย่าก็ได้ใช้โอดีนแซฟไฟร์ปลุก "ชุดโอดีนโร้บ" ขึ้นและใช้ดาบของโอดีนโร้บทำลายแหวนนีเบอลุงที่นิ้วของฮิลด้าได้สำเร็จ โดยที่แท้จริงแล้วเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้นเป็นแผนของเจ้าสมุทรโพเซดอนนั่นเอง[10][แก้] ภาคศึกเจ้าสมุทรโพเซดอน
ด้วยอำนาจของเทพสมุทรโพไซดอนได้ทำให้เกิดฝนตกอย่างหนักบนโลก และเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมหลายแห่ง โดยโพเซดอนหวังว่าจะให้น้ำท่วมโลกเพื่อกำจัดมนุษย์ และให้พื้นพิภพปกครองโดยเหล่าเทพเจ้าอีกครั้ง เพื่อยุติภัยพิบัติครั้งนี้ เอเธน่าจึงได้เดินทางไปพบโพเซดอนที่วิหารใต้ท้องมหาสมุทร และได้เสียสละตัวเองเข้าไปในเสาเมนเบรดวินเนอร์เพื่อรองรับน้ำฝนจากบนโลกให้มาตกภายในเสานี้เท่านั้น พวกเซย์ย่าจึงต้องช่วยเอเธน่าให้ออกมาจากเสาเมนเบรดวินเนอร์ให้ได้ก่อนที่อาธีน่าจะจมน้ำตาย โดยการกำจัดเหล่ามารีเนอร์ทั้ง 7 คน รวมทั้งโค่นเสาค้ำมหาสมุทรที่เหล่ามารีเนอร์คุ้มครองอยู่ด้วย โดยใช้อาวุธของชุดคล็อธไลบร้า เมื่อพวกเซย์ย่าสามารถโค่นมารีเนอร์และทำลายเสาค้ำมหาสมุทรทั้ง 7 ต้นได้แล้ว จึงบุกเข้าไปยังวิหารโพเซดอนเพื่อทำลายเสาเมนเบรดวินเนอร์ แต่ถูกโพเซดอนขัดขวางไว้ ซึ่งเหล่าโกลด์เซ็นต์ได้ส่งชุดคล็อธซาจิททาเรียส ชุดคล็อธไลบร้า และชุดคล็อธอควอเรียสมาช่วยเหลือ พวกเซย์ย่าได้รวมรวบพลังไปยังลูกธนูของซาจิททาเรียสแล้วยิงเข้าใส่โพเซดอนทำให้โพเซดอนได้รับบาดเจ็บ หลังจากนั้นก็ได้เข้าทำลายเสาเมนเบรดวินเนอร์และช่วยเหลือเอเธน่าได้สำเร็จ เอเธน่าจึงใช้คนโทกักวิญญาณของโพเซดอนไว้อีกครั้งหนึ่ง[11][แก้] ภาคศึกเทพเจ้าฮาเดส
เนื้อเรื่องของภาคฮาเดสนั้นเริ่มต้นจากพลังของเอเธน่าที่ใช้ผนึกเหล่าสเป็คเตอร์ไว้หลังจากการต่อสู้ในสงครามศักดิ์สิทธิ์เมื่อ 243 ปีก่อนนั้น ได้เสื่อมลง ซึ่งทำให้เหล่าสเป็คเตอร์ภายใต้การนำของฮาเดส เทพเจ้าแห่งยมโลก (โลกหลังความตาย) ฟื้นคืนชีพกลับมาอีกครั้ง เนื้อเรื่องหลังจากนั้นของภาคศึกเทพเจ้าฮาเดส อาจแบ่งย่อยได้ ดังนี้- ภาคแซงก์ทัวรี (The Hades Chapter - Sanctuary)
- หลังจากการคืนชีพของเหล่าสเป็คเตอร์ภายใต้การนำของฮาเดสนั้น ฮาเดสได้ใช้พลังทำให้เหล่าโกลด์เซนต์ที่เสียชีวิตไปแล้ว ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง โดยจะมีเวลาอยู่บนโลกได้ 12 ชั่วโมงเพื่อไปนำศีรษะของอาธีน่ามาให้ตน เหล่าโกลเซนต์ภายใต้การนำของอาริเอส ชิออนซึ่งเป็นอดีตเคียวโก จึงได้บุกเข้า 12 ปราสาทแห่งแซงค์ทัวรี่เพื่อขึ้นไปยังวิหารอาธีน่า ในระหว่างการต่อสู้นั้น ทอรัส อัลเดบารัน และ เวอร์โก้ ชากะ ได้เสียชีวิตลง แต่ชากะได้เขียนคำว่า "อารายาชิกิ" ลงบนกลีบดอกไม้ให้พัดพาไปถึงอาธีน่า โดยต้องการบอกให้อาธีน่าเข้าใจถึงการตายของเขาในครั้งนี้เพื่อทำการปลุกสัมผัสที่ 8 หรือ เอทเซนส์ (Eighth Sense) ซึ่งจะทำให้มนุษย์ที่ยังมีชีวิตสามารถลงไปยังยมโลกได้ เมื่ออาธีน่าทราบถึงเจตนาของชากะ จึงได้สั่งให้นำพวก เซ็นต์จิมินี่ คาน่อน น้องฝาแฝดของ เซ็นต์จิมินี่ ซากะ มาพบตน และได้ใช้กริชทองคำที่ซากะเคยคิดใช้สังหารอาธีน่าเมื่อ 13 ปีก่อนปลิดชีพตนเอง หลังจากนั้น อาริเอส ชิออนจึงได้บอกความจริงทั้งหมดแก่พวกเซย์ย่าว่า เจตนาที่แท้จริงของเหล่าโกลด์เซนต์ที่คืนชีพมาในครั้งนี้ก็เพื่อใช้เลือดของอาธีน่าปลุกชุดคล็อธแห่งอาธีน่านั่นเอง หลังจากการตายของอาธีน่านั้น พวกเซย์ย่าพร้อมกับเหล่าโกลด์เซนต์ที่เหลือได้บุกไปยังปราสาทฮาเดส และพวกเซย์ย่าได้ปลุกสัมผัสที่ 8 ขึ้นมาเพื่อลงไปยังยมโลกทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ได้สำเร็จ [12]
- ภาคยมโลก (The Hades Chapter - Inferno)
- หลังจากเข้าสู่ยมโลก พวกเซย์ย่าได้แยกเป็น 2 กลุ่ม โดยเซย์ย่าและชุนได้เดินทางไปด้วยกัน ส่วนชิริวและเฮียวงะก็แยกไปอีกเส้นทาง โดยทั้ง 2 กลุ่มเดินทางมุ่งไปยังนรกขุมต่าง ๆ และได้กำจัดเหล่าสเป็คเตอร์ประจำขุมนรกต่าง ๆ ลง เซย์ย่าและชุนได้พบกับไลรา โอฟี ซิลเวอร์เซนต์อีกคนที่พลังเทียบเท่าโกลด์เซ็นต์แต่ต้องอยู่ในนรกเพื่อบรรเลงพิณให้ฮาเดสฟัง ด้วยความช่วยเหลือของโอฟี ทำให้เซย์ย่าและชุนบุกเข้าถึงปราสาทที่พักของฮาเดสได้ แต่เหตุการณ์กลับพลิกผันโดยชุนได้กลายเป็นร่างสถิตของฮาเดส แต่ด้วยความช่วยเหลือของอาธีน่าทำให้วิญญาณของฮาเดสที่เข้าสิงรางของชุนนั้นกลับไปสู่เอริเชี่ยน อาธีน่าจึงตามฮาเดสไปสู่อาริเชี่ยน ทว่าพวกเซย์ย่าไม่สามารถไปสู่เอริเชี่ยนได้เพราะมีกำแพงวิปโยคขวางกั้นอยู่ พวกเซย์ย่าพยายามจะทำลายกำแพงนั้นแต่ไร้ผล และในขณะนั้นเอง วิญญาณของโกลด์เซนต์ทั้ง 7 คนที่เสียชีวิตไปแล้วก็ได้ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหน้าของกำแพงวิปโยค เมื่อเห็นดังนั้น โกลด์เซนต์อีก 5 คนที่ยังมีชีวิตได้แก่ โดโก มู มิโร่ ไอโอเรีย และคาน่อน จึงได้เสียสละชีวิตของตนไปพร้อมกับวิญญาณของเพื่อนโกลด์เซนต์ทั้ง 7 เพื่อทำลายกำแพงนั้นลง ทำให้พวกเซย์ย่าสามารถเดินทางไปยังเอริเชี่ยนได้[13]
- ภาคเอลิเซี่ยน (The Hades Chapter - Elysion)
- หลังจากเซย์ย่า ชิริว เฮียวงะ ชุน และอิกกิ เดินทางมาสู่เอริเชี่ยนแล้ว ได้ต่อสู้กับทานาทอสและฮิปนอส ซึ่งเป็นเทพเจ้าที่ยอมสยบแก่ฮาเดส พวกเซย์ย่าไม่สามารถสู้กับทานาทอสและฮิปนอส แต่ด้วยเลือดของอาธีน่าทำให้ชุดคล็อธที่แตกละเอียดของทั้ง 5 คนกลับคืนชีพอีกครั้งกลายเป็น "ชุดก็อดคล็อธ" ทำให้พวกเซย์ย่าสามารถกำจัดทานาทอสและฮิปนอสลงได้ หลังจากนั้นพวกเซย์ย่าจึงได้ต่อสู่กับฮาเดส และสามารถมอบชุดคล็อธให้อาธีน่าสวมได้สำเร็จ อาธีน่าจึงใช้คทาทองคำของตนกำจัดฮาเดสลงได้ในที่สุด[14]
[แก้] ภาคเสริมอื่น ๆ
นอกจากนี้ ยังมีการแต่งเนื้อเรื่องขึ้นมาใหม่ในช่วงหลัง โดยเนื้อเรื่องที่แต่งขึ้นมาใหม่นี้ จะเป็นการกล่าวถึงช่วงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนการดำเนินเรื่องในภาคหลัก ซึ่งสามารถแบ่งออกได้ดังนี้- ภาค Episode G
- เป็นฉบับมังงะที่ทำขึ้นใหม่ โดยเปลี่ยนผู้วาดภาพเป็น เมกุมุ โอคาดะ แต่คนแต่งยังคงเป็นคุรุมาดะเช่นเดิม กล่าวถึงเรื่องราวในอดีตเมื่อ 7 ปีก่อนที่เนื้อเรื่องของภาคหลักจะเริ่มต้นขึ้น เกี่ยวกับศึกระหว่างโกลด์เซนต์ กับเหล่าเทพ ไททัน ซึ่งฟื้นคืนชีพขึ้นมา ตัวเอกของภาคนี้คือ เลโอ ไอโอเรีย ในวัยหนุ่ม ผู้ยังมีความเป็นขบฎในตัวสูง และไม่ลงรอยกับแซงค์ทัวรี่ จากเหตุการณ์ที่พี่ชายถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฎ และถูกสังหารโดยโกลด์เซนต์ด้วยกันเอง
- ภาค Next Dimension
- เป็นภาคที่แต่งและวาดขึ้นใหม่โดยตัวคุรุมาดะเอง ขณะนี้กำลังลงตีพิมพ์อยู่ในนิตยสารโชเน็นแชมเปี้ยนของญี่ปุ่น โดยลงเป็นหน้าสีทั้งตอน แบบนานๆ ออกหน เรื่องราวจะสัมพันธ์กับเนื้อเรื่องในตอนท้ายของภาคเจ้านรกฮาเดส กล่าวย้อนความไปถึงสงครามศักดิ์สิทธิ์ เมื่อ 243 ปีก่อน ตัวเอกของภาคนี้คือ บรอนซ์เซนต์ เพกาซัส เท็มมะ ผู้พบว่า อาโรน เพื่อนรักของตน กลับกลายเป็นร่างทรงของฮาเดส
- เป็นภาคที่คุรุมาดะเป็นผู้แต่งเนื้อเรื่อง แต่เปลี่ยนผู้วาดภาพเป็น ชิโอริ เทชิโรงิ กล่าวถึงสงครามศักดิ์สิทธิ์ครั้งก่อน และตัวเอกคือ เพกาซัส เท็มมะ เช่นเดียวกับภาค Next Dimension แต่มีการดำเนินเรื่องแตกต่างกัน เหตุเกิดในทวีปยุโรป ช่วงศตวรรษที่ 18 ไลบร้า โดโก สืบสาวร่องรอยของฮาเดส จนมาถึงเมืองหนึ่ง ณ ที่นั้น เท็มมะ เด็กหนุ่มเชื้อสายญี่ปุ่น ผู้มีฝีมือด้านต่อยตี กับ อาโรน เด็กหนุ่มจิตใจดี ที่รักและเล่าเรียนการวาดภาพ อาศัยอยู่ร่วมกับเด็กๆ ในย่านคนยากไร้ โดโกเห็นแววในตัวเท็มมะ จึงชักชวนไปรับการฝึกฝนเพื่อเป็นเซนต์ที่แซงค์ทัวรี่ ขณะอยู่ที่นั่น เท็มมะพบว่า เทพีอาธีน่าที่เหล่าเซนต์ปฏิญาณจะภักดีด้วยนั้น หาใช่ใครอื่น แต่เป็น ซาชา น้องสาวของอาโรน ที่เคยเติบโตมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าพร้อมกับพวกเขานั่นเอง ขณะเดียวกัน อาโรน ซึ่งกำลังรอคอยการกลับมาของเพื่อนอยู่ที่บ้านเกิด กลับค่อยๆ ถูกแพนโดร่าชักนำให้โอบรับความมืด ในฐานะร่างทรงของฮาเดส สงครามศักดิ์สิทธิ์จึงได้เปิดม่านขึ้น พร้อมกับความสัมพันธ์ที่ถูกชะตากรรมเล่นตลกของทั้งสาม
[แก้] ตัวละคร
ดูบทความหลักที่ ตัวละครในเซนต์เซย์ย่าตัวละครหลักของเซนย์เซย์ย่านั้น ได้แก่ อาธีน่าและเซนต์แห่งอาธีน่า โดยเซนต์แห่งอาธีน่าแต่ละคนนั้นจะมีกลุ่มดาวคุ้มครองประจำตัวและมีจำนวน 88 คนเท่ากับจำนวนกลุ่มดาวบนท้องฟ้า[15] สามารถแบ่งแยกออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ บรอนซ์เซนต์ ซิลเวอร์เซนต์ และโกลด์เซนต์ เซนต์แห่งอาธีน่ามีหน้าที่ปกป้องอาธีน่า ซึ่งทรงรังเกียจการใช้อาวุธ ดังนั้น เหล่าเซนต์จึงต้องพยายามฝึกฝนร่างกายของตนเพื่อใช้เป็นอาวุธแทน โดยหมัดของเซนต์นั้นสามารถแหวกฟ้าและการเตะของเซนต์นั้นก็สามารถทลายพื้นดินได้เช่นกัน[15]
[แก้] เกราะ
- คลอธ (聖衣 ; Cloth)
โดยปกติแล้ว ถ้าหากคลอธได้รับความเสียหายเล็กน้อยจากการต่อสู้ ก็จะซ่อมแซมตัวเองได้ ทว่าหากได้รับความเสียหายอย่างหนักจนไม่สามารถซ่อมแซมตัวเองได้ หรือจะถือได้ว่าความสามารถในการฟื้นฟูตัวเองของคลอธนั้นหายไปแล้ว ซึ่งการจะให้คลอธมีความสามารถฟื้นฟูอีกครั้ง จำเป็นจะต้องใช้เลือดจำนวนมากของเซนต์(อ้างอิงจากตอนที่ชิริวเอาคลอธไปให้มูซ่อม)ซึ่งถ้าว่ากันตามหลักของคอสโมแล้ว ไม่น่าจะเกี่ยวกับเลือดเท่าไหร่ แต่น่าจะเกี่ยวกับพลังความตั้งใจหรือพลังคอสโมของผู้ที่ต้องการจะซ่อมแซมคลอธซะมากกว่า แต่สำหรับคลอธฟีนิกซ์ถือเป็นข้อยกเว้น เนื่องจากเป็นคลอธเพียงหนึ่งเดียวในบรรดาคลอธทั้งหมด ที่สามารถซ่อมแซมและฟื้นฟูสภาพได้เอง แม้จะถูกทำลายจนแหลกเป็นผุยผง
- คลอธของเซนต์แห่งอาธีน่า สามารถแบ่งได้เป็น 3 ระดับ ดังนี้
- บรอนซ์คลอธ (Bronze Cloth) เป็นคลอธระดับต่ำสุดในคลอธทั้งหมด ไม่มีสีที่ตายตัว แต่เนื่องจากเป็นทองแดงอะตอมจึงสามารถเคลื่อนตัวได้จนถึงจุดเยือกแข็งที่อุณหภูมิ -150 ºC
- ซิลเวอร์คลอธ (Silver Cloth) เป็นคลอธของซิลเวอร์เซนต์ มักมีโทนสีออกไปทางสีเงินเนื่องจากเป็นเกราะที่ทำจากเงิน อะตอมจึงสามารถเคลื่อนตัวได้จนถึงจุดเยือกแข็งที่อุณหภูมิ -200 ºC
- โกลด์คลอธ (Gold Cloth) คลอธสีทองซึ่งมีระดับสูงสุด สวมใส่โดยโกลด์เซนต์ทั้ง 12 คน มีลักษณะเป็นตัวแทนตามจักรราศี อะตอมจึงสามารถเคลื่อนตัวได้จนถึงจุดเยือกแข็งที่ศูนย์องศาสัมบูรณ์ (-273.15ºC) [16]
- สำหรับชุดคลอธแบบอื่นๆ ได้แก่
- แบล็กคลอธ (Black Cloth) เป็นคลอธที่สวมใส่โดยเหล่าแบล็กเซนต์ ว่ากันว่าถูกค้นพบที่เกาะเดธควีน ซึ่งคลอธที่แบล็กโฟร์ และแบล็กฟีนิกซ์สวมใส่ จะมีลักษณะเหมือนกับบรอนซ์คลอธของพวกเซย์ย่าทุกประการ แต่ต่างกันตรงที่เป็นสีดำสนิท
- สตีลคลอธ (Steel Cloth) เป็นคลอธที่ถูกสร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์ โดย ศจ. อาซาโมริ แห่งมูลนิธิกราด สวมใส่โดยเหล่าสตีลเซนต์ มีต้นแบบมาจากสัตว์ 3 ชนิด ได้แก่ นกทูแคน (สกายคลอธ) หมาจิ้งจอก (แลนด์คลอธ) และปลากระโทงแทง (มารีนคลอธ) แม้จะไม่สามารถช่วยให้ใช้พลังคอสโมได้เหมือนกับคลอธของเซนต์แห่งอาธีน่า แต่เนื่องด้วยเทคนิคทางวิทยาศาสตร์กับอุปกรณ์ต่างๆ ที่ติดตั้งลงไป จึงทำให้มีประสิทธิภาพมากพอๆ กับบรอนซ์คลอธ
- ก็อดโร้บ (神闘衣 ; God Robe)
- สวมใส่โดยก็อดวอริเออร์แห่งแอสการ์ดทั้ง 8 คน มีลักษณะเป็นตัวแทนสัตว์ตามเทพนิยายนอร์ส ในก็อดโร้บแต่ละชุดจะมีหินที่เรียกว่า โอดินแซฟไฟร์ ซึ่งเป็นเหมือนชีวิตของก็อดวอริเออร์ฝังอยู่ด้วย โดยหากนำโอดินแซฟไฟร์ทั้ง 7 เม็ด จากก็อดวอริเออร์ทั้ง 7 (ไม่นับรวม อัลกอร์ นักรบเงาแห่งดาวเซต้า) ไปแสดงต่อหน้ารูปปั้นเทพโอดิน ชุดเกราะแห่งเทพโอดิน "โอดินโร้บ" ก็จะปรากฏออกมา
- สเกล (鱗衣 ; Scale)
- ชุดเกราะที่เจ้าสมุทรโปเซดอนเป็นผู้สร้างขึ้น สวมใส่โดยมารีนเนอร์แห่งโปเซดอน โดยมีลักษณะเป็นตัวแทนสัตว์ทะเล สัตว์ประหลาด และบุคคลในเทพนิยาย ทำด้วยแร่โอริคัลคุม ในนครแอตแลนติส มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับโกลด์คลอธ แต่สีจะค่อนออกไปทางสีส้มหรือทองแดงมากกว่า
- เซอร์พริส (冥衣 ; Surplice)
- สวมใส่โดยสเปกเตอร์แห่งฮาเดส มักออกแบบมาจากสัตว์ที่น่ากลัว นอกจากเซอร์พริสทั้ง 108 ชุด ยังมีชุดของ ราดาแมนทีส มีนอส ไออาคอส ฮาเดส ธานาทอส ฮิปนอส และโกลด์เซนต์ที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมาใส่คลอธสีดำอีก 6 คน
- โซม่า (楚真 ; Soma)
- สวมใส่โดยเหล่าเทพไททัน มีทั้งหมด 12 ชุด ออกแบบให้มีรูปลักษณ์เป็นอาวุธชนิดต่างๆ ชุดจะมีสีน้ำเงินเข้มออกม่วง เป็นชุดที่พระแม่ธรณี ไกอา มอบให้กับเหล่าไททัน ในคราที่โค่นล้มยูเรนัสในอดีตกาล
- กลอรี่ (天衣 ; Glory)
- สวมใส่โดยเหล่าแองเจิลแห่งอาร์เทมิส ชุดจะไม่ค่อยครอบคลุมทั้งร่าง คือค่อนข้างจะเน้นคล่องตัวเป็นหลัก สีของชุดไม่แน่นอน
[แก้] เซนต์เซย์ย่าในรูปแบบต่าง ๆ
[แก้] ฉบับหนังสือการ์ตูน
ดูเพิ่ม เซนต์เซย์ย่า ภาค The Lost Canvas จ้าวนรกฮาเดสเซนต์เซย์ย่าฉบับหนังสือการ์ตูนชุดแรกนั้น มาซามิ คุรุมาดะ เป็นผู้แต่งเซนต์เซย์ย่าและวาดลายเส้นด้วยตัวเอง เขาตั้งใจที่จะให้เซนต์เซย์ย่าเป็นผลงานชิ้นเอกของตัวเอง[15] โดยเซนต์เซย์ย่าเริ่มลงตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ในนิตยสารโชเน็นจัมป์รายสัปดาห์ สำนักพิมพ์ชูเอฉะ[17] และออกจำหน่ายเป็นหนังสือฉบับรวมเล่ม รวมทั้งสิ้น 28 เล่มจบ ซึ่งสามารถแบ่งเนื้อหาออกเป็น 3 ภาค ได้แก่ ภาคแซงค์ทัวรี่ ภาคโปเซดอน และภาคฮาเดส ในประเทศไทย เซนต์เซย์ย่าได้ตีพิมพ์เล่มแรก เมื่อวันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2543 และเล่มสุดท้ายสำหรับการตีพิมพ์ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2549[18] โดยสำนักพิมพ์วิบูลย์กิจ เป็นผู้ได้รับลิขสิทธิ์จากสำนักพิมพ์ชูเอฉะเพื่อจัดทำเซนต์เซย์ย่าในรูปแบบภาษาไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย[15]
หลังจากประสบความสำเร็จจากเซนต์เซย์ย่าชุดแรกแล้ว มาซามิ คุรุมาดะ ได้แต่ง "เซนต์เซย์ย่า Episode G" ขึ้นมา ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับการต่อสู้ของเหล่าโกลด์เซนต์กับพวกไททัน โดยระยะเวลาของภาคนี้จะย้อนกลับไป 7 ปี นับจากยุคของเซย์ย่า โดยมี เลโอ ไอโอเลีย โกลด์เซนต์ราศีสิงห์ เป็นตัวเอกของเรื่อง ความหมายของ G ในตอนนี้นั้น คือ Gold saint นั่นเอง[19] ถึงแม้ว่าเนื้อเรื่องของเซนต์เซย์ย่าในตอนนี้จะแต่งขึ้นโดยมาซามิ คุรุมาดะ แต่ผู้ที่วาดลายเส้นนั้น คือ เมกุมุ โอคาดะ จึงทำให้ลายเส้นของภาคนี้ต่างออกไปจากภาคที่แล้ว ส่วนสาเหตุในการเปลี่ยนผู้วาดนั้นไม่ทราบอย่างแน่ชัด ซึ่งเมกุมุ โอคาดะได้กล่าวถึงการที่เขารับหน้าที่ในการวาดลายเส้นสำหรับเซนต์เซย์ย่า Episode G ว่า เขารู้สึกดีใจมาก เพราะนึกไม่ถึงว่านักเขียนคนอื่นจะได้เขียน และนับเป็นครั้งแรกที่เขาได้เขียนการ์ตูนโดยไม่ต้องคิดพลอตเรื่อง[20] อย่างไรก็ตาม ลายเส้นของเมกุมุ โอคาดะก็ได้รับการวิจารณ์ว่าเป็นลายเส้นที่ออกแนวผู้หญิงมาก แต่ด้วยเนื้อหาและลายเส้นที่วาดได้ละเอียดก็ทำให้ภาคนี้ได้รับความนิยมที่ดีขึ้น[19] เซนต์เซย์ย่า Episode G ตีพิมพ์ในประเทศญี่ปุ่นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2546 สำหรับในประเทศไทย สำนักพิมพ์วิบูลย์กิจเป็นผู้ได้รับลิขสิทธิ์จากสำนักพิมพ์อาคิตะ เพื่อจัดทำเซนต์เซย์ย่าในรูปแบบภาษาไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย[20] ปัจจุบัน (เม.ย. 2551) ตีพิมพ์ออกมาแล้วเป็นจำนวน 4 เล่ม
นอกจาก เซนต์เซย์ย่า Episode G แล้ว มาซามิ คุรุมาดะ ยังได้แต่งเซนต์เซย์ย่าตอนใหม่อีก ได้แก่ เซนต์เซย์ย่า ภาค The Lost Canvas จ้าวนรกฮาเดส โดยมีชิโอริ เทชิโรงิ เป็นผู้วาดลายเส้น ซึ่งเทชิโรงิได้กล่าวความรู้สึกเมื่อได้รับทราบว่าตนเองจะได้เป็นผู้วาดเซนต์เซย์ย่าภาคนี้ว่า "ในตอนที่มีการพูดถึงงานนี้ ฉันถึงกับร้องไห้ออกมาและก็โทรศัพท์ไปหาเพื่อน เนื่องจากรู้ว่าตนเองจะได้เขียนเรื่องเซนต์เซย์ย่า แถมคุณคุรุมาดะยังมาหาด้วยตัวเองเลยด้วย ในชีวิตฉันคงจะไม่มีงานใดพิเศษสุดเท่ากับงานชิ้นนี้อีกแล้ว"[21] สำหรับเนื้อหาของตอนนี้จะกล่าวถึงเหตุการณ์สงครามศักดิ์สิทธิ์ระหว่างอาธีน่ากับฮาเดสเมื่อ 243 ปีก่อน โดยได้ตีพิมพ์ครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่นเมื่อ พ.ศ. 2550 สำหรับในประเทศไทย สำนักพิมพ์วิบูลย์กิจเป็นผู้ได้รับลิขสิทธิ์จากสำนักพิมพ์อาคิตะเพื่อจัดทำเซนต์เซย์ย่าในรูปแบบภาษาไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย[21]
นอกจากฉบับหนังสือการ์ตูนที่มีการรวมเล่มออกมาแล้วดังที่กล่าวมา มาซามิ คุรุมาดะ ยังได้แต่ง "เซนต์เซย์ย่า Next Dimension" ขึ้นมาอีกภาค และเป็นผู้วาดลายเส้นเอง โดยเซนต์เซย์ย่าในภาคนี้ได้กล่าวถึงเหตุการณ์การต่อสู้ระหว่างพวกเซย์ย่าและฮาเดส ซึ่งทำให้ฮาเดสนึกถึงเหตุการณ์เมื่อ 243 ปีก่อน ว่าเขาได้เคยพบกับเซนต์เพกาซัสมาก่อนแล้วนั่นเอง ในประเทศญี่ปุ่น เซนต์เซย์ย่า Next dimension ได้ตีพิมพ์ครั้งแรกลงในลงนิตยสารการ์ตูน โชเน็นแชมเปี้ยน ฉบับที่ 22-23 และตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ในนิตยสารฉบับเดียวกันเป็นระยะ ๆ[22] โดยยังไม่มีการตีพิมพ์เป็นภาษาไทยอย่างเป็นทางการ
[แก้] ฉบับโทรทัศน์
เซนต์เซย์ย่าได้รับการสร้างเป็นอะนิเมะ โดยบริษัทโตเอแอนิเมชัน และออกอากาศทางสถานีทีวีอาซาฮี ทุกวันเสาร์ เวลา 19.00 - 19.30 น. ตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2529 ถึง 1 เมษายน พ.ศ. 2532[23] มีความยาวตอนละ 20 นาทีโดยประมาณ[24] เซนต์เซย์ย่าฉบับโทรทัศน์นั้น แบ่งเป็น 5 ภาคด้วยกัน ได้แก่ ภาค 1 เซนต์แห่งอาธีน่า (ตอนที่ 1-22) ภาค 2 นักรบเกราะเงิน (ตอนที่ 23-40) ภาค 3 ปราสาท 12 ราศี (ตอนที่ 41-74) ภาค 4 อัศวินแห่งแอสการ์ด (ตอนที่ 75-99) และภาค 5 เจ้าสมุทรโปเซดอน (ตอนที่ 100-114) รวม 114 ตอนจบ โดยเนื้อเรื่องหลักนั้นนำมาจากฉบับหนังสือการ์ตูน แต่ได้เพิ่มเติมเนื้อหาบางส่วนเข้าไป โดยเฉพาะภาค "อัศวินแห่งแอสการ์ด" นั้นเป็นภาคที่แต่งขึ้นใหม่ ซึ่งไม่มีในเซนต์เซย์ย่าฉบับหนังสือการ์ตูน นอกจากนี้ชุดคล็อธของเซนต์บางคน เช่น เหล่าบรอนซ์เซนต์ ยังมีความแตกต่างจากฉบับหนังสือการ์ตูนด้วยสำหรับประเทศไทย เซนต์เซย์ย่าเคยออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 เมื่อปี พ.ศ. 2531 โดยใช้ชื่อว่า "เซย่า เทพบุตรหมัดดาวหาง" ซึ่งได้ออกอากาศซ้ำหลายครั้งทางช่อง 3 ต่อมาในปี พ.ศ. 2547 ก็ได้มีการนำมาออกอากาศซ้ำอีกครั้งทางสถานีโทรทัศน์ยูบีซี หรือ ทรูวิชั่นส์ ในปัจจุบัน และออกวางจำหน่ายในรูปแบบวีซีดีโดยบริษัท การ์ตูนอินเตอร์ จำกัด จำนวน 57 แผ่นจบ[25] ต่อมาได้มีการผลิตและออกวางจำหน่ายอีกครั้งในรูปแบบ DVD โดย DEX คาดว่าจะมีจำนวน 23 แผ่นจบ[26]
[แก้] รายชื่อตอนฉบับโทรทัศน์
เซนต์เซย์ย่าฉบับโทรทัศน์ แบ่งออกเป็นภาคต่าง ๆ รวม 114 ตอน ซึ่งมีรายชื่อดังต่อไปนี้[27]
|
|
|
[แก้] ฉบับภาพยนตร์
นอกจากฉบับที่ออกฉายทางโทรทัศน์แล้ว เซนต์เซย์ย่า ยังถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์การ์ตูนสำหรับฉายในโรงภาพยนตร์ด้วย จนถึงปัจจุบัน เซนต์เซย์ย่าฉบับภาพยนตร์ออกฉายแล้วจำนวน 5 ภาค โดยภาคสงครามเทพีอีริส ปริศนาแอปเปิ้ลทองคำ เป็นฉบับภาพยนตร์ที่มีการออกฉายเป็นภาคแรกเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2530 และฉบับภาพยนตร์ล่าสุด คือ ภาคโหมโรงสู่ภาคสวรรค์ ซึ่งออกฉายเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2547[24] อย่างไรก็ตาม เนื้อเรื่องของฉบับภาพยนตร์ใน 4 ภาคแรก ได้แก่ ภาคสงครามเทพีเอริส ปริศนาแอปเปิ้ลทองคำ ภาคสงครามเทพเจ้าโอดีนแห่งแอสการ์ด ภาคสงครามสุริยเทพอาเบล และภาคสงครามครั้งสุดท้าย ความทะเยอทะยานของลูซิเฟอร์นั้นไม่ได้แต่งขึ้นโดยมะซะมิ คุรุมะดะ เรื่องราวและตัวละครต่าง ๆ จึงอาจจะมีความขัดแย้ง และไม่ต่อเนื่องกับรายละเอียดของเซนต์เซย์ย่าฉบับหนังสือการ์ตูน แต่ภาคโหมโรงสู่ภาคสวรรค์นั้น เป็นฉบับภาพยนตร์ภาคเดียวที่แต่งขึ้นโดยมะซะมิ คุรุมะดะ เป็นการเกริ่นถึงเรื่องราวภายหลังจากสงครามศักดิ์สิทธิ์กับฮาเดสเสร็จสิ้นแล้ว โดยมีการคาดหมายว่า การที่มะซะมิ คุรุมะดะ แต่งภาพยนตร์ฉบับนี้ขึ้นมานั้น เขาอาจจะแต่งเซนต์เซย์ย่าในภาคต่อไป คือ ภาคสวรรค์ หรือ Tenkai hen ขึ้นมาในภายหน้านั่นเอง[24] เซนต์เซย์ย่าฉบับภาพยนตร์นั้น มีรายละเอียดดังต่อไปนี้[แก้] ภาคสงครามเทพีเอริส ปริศนาแอปเปิ้ลทองคำ
เซนต์เซย์ย่าฉบับภาพยนตร์ ภาคสงครามเทพีอีริส ปริศนาแอปเปิ้ลทองคำ (ญี่ปุ่น: 聖闘士星矢 劇場版 Seinto Seiya Gekijōban ?) หรือในชื่อภาษาอังกฤษว่า Legend of the Golden Apple ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2530[24] มีเนื้อหาเกี่ยวกับ "เอริส เทพีแห่งความชั่วร้าย" ซึ่งต้องการกำจัดอาเธน่า และทำลายโลก ได้เข้าสิงร่างของ "เอรี่" ผู้ดูแลสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า และได้ปลุกเหล่าเซนต์ขึ้นมา 5 คน ได้แก่ โอฟีอุสแห่งกลุ่มดาวพิณ หยางแห่งกลุ่มดาวโล่ มายาแห่งกลุ่มดาวลูกธนู จากัวร์แห่งกลุ่มดาวนายพราน และไครส์แห่งกลุ่มดาวกางเขนใต้ เพื่อการคืนชีพอย่างสมบูรณ์ของเอริส เอริสได้ลักพาตัวของอาเธน่ามาเพื่อดูดเอาพลังชีวิตของอาเธน่าโดยใช้แอบเปิ้ลทองคำ หลังจากนั้น พวกเซย์ย่าจึงเดินทางมาช่วยเหลืออาเธน่า โดยได้ทำลายแอปเปิ้ลทองคำ ทำให้เอริสสลายไปในที่สุด[28][แก้] ภาคสงครามเทพเจ้าโอดีนแห่งแอสการ์ด
เซนต์เซย์ย่าฉบับภาพยนตร์ ภาคสงครามเทพเจ้าโอดีนแห่งแอสการ์ด (ญี่ปุ่น: 神々の熱き戦い Kamigami no Atsuki Tatakai ?) หรือในชื่อภาษาอังกฤษว่า The Heated Battle of the Gods ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2531[24] มีเนื้อหาเกี่ยวกับ การหายตัวไปของเฮียวกะ หลังจากเดินทางไปยังแอสการ์ด ดินแดงแห่งขั้วโลกเหนือ อาเธน่าและพวกเซย์ย่าจึงเดินทางไปยังแอสการ์ด โดยได้เข้าพบกับ “โดลบาล ผู้ปกครองแห่งแอสการ์ด” เพื่อถามหาข่าวของเฮียวกะ ระหว่างนั้น อาเธน่าได้รู้ถึงเจตนาของโดลบาลว่าต้องการจะครอบครองแซงชัวรี่และโลก ดังนั้น โดลบาลจึงจับอาเธน่าไปตรึงไว้ที่รูปปั้นของเทพโอดีน เพื่อช่วยอาเธน่าพวกเซย์ย่าจึงได้ต่อสู้กับเหล่าก็อดวอริเออร์ หรือเหล่านักรบแห่งแอสการ์ด แต่สุดท้ายโดลบาลก็ถูกกำจัดลง และดินแดนแอสการ์ดก็กลายเป็นดินแดนที่มีความอบอุ่นอีกครั้ง[29][แก้] ภาคสงครามสุริยเทพอาเบล
เซนต์เซย์ย่าฉบับภาพยนตร์ ภาคสงครามสุริยเทพอาเบล (ญี่ปุ่น: 真紅の少年伝説 Shinku No Shōnen Densetsu ?) หรือในชื่อภาษาอังกฤษว่า Legend of Crimson Youth ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2531[24] มีเนื้อหาเกี่ยวกับ "อาเบล เทพแห่งสุริยะ" ผู้เป็นเสมือนพี่ชายของอาเธน่า ซึ่งต้องการให้โลกกลับมาสู่ยุคของเทพเจ้าอีกครั้งหนึ่ง เมื่ออาเธน่ารู้ถึงจุดประสงค์ของอาเบลก็พยายามขัดขวางเจตนาของอาเบลเพียงลำพังโดยการขับไล่พวกเซย์ย่าไม่ให้มาเกี่ยวข้องกับตน แต่อาเธน่าก็ถูกอาเบลสังหารเสียก่อน พวกเซย์ย่ารู้สึกว่ามีอะไรแอบแฝงอยู่จึงได้เดินทางมายังวิหารแห่งสุริยเทพ และต้องช่วยอาเธน่าให้ได้ก่อนที่วิญญาณของอาเธน่าจะเดินทางไปสู่หลุมดำนิรกาล เซย์ย่า ชิริว เฮียวกะ ชุน และอิคคิ ได้ต่อสู้กับเหล่าโคโรน่าเซนต์ และเหล่าโกลเซนต์ที่ถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้งโดยอำนาจของอาเบล ในที่สุด ด้วยพลังคอสโมของพวกเซย์ย่าจึงสามารถปลุกอาเธน่าขึ้นมาอีกครั้ง และสังหารอาเบลลงได้โดยใช้ลูกศรทองคำแห่งชุดคลอธซาจิททาเรียส [30][แก้] ภาคสงครามครั้งสุดท้าย ความทะเยอทะยานของลูซิเฟอร์
เซนต์เซย์ย่าฉบับภาพยนตร์ ภาคสงครามครั้งสุดท้าย ความทะเยอทะยานของลูซิเฟอร์ (ญี่ปุ่น: 最終聖戦の戦士たち Saishū Seisen No Senshi Tachi ?) หรือในชื่อภาษาอังกฤษว่า Warriors of the Final Holy Battle ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2532[24] มีเนื้อหาเกี่ยวกับ "ลูซิเฟอร์ บุตรแห่งเทพเจ้า" ที่มีความชั่วร้ายจนถูกลงโทษให้ไปอยู่ในนรก แต่ฟื้นคืนชีพกลับขึ้นมาอีกครั้งโดยพลังของเอริส อาเบล และโปเซดอน เพื่อต้องการครอบครองโลกและสังหารอาเธน่า ลูซิเฟอร์และ 4 เทพอสูร เดินทางมายังแซงทัวรี่ พร้อมทั้งได้โจมตีเหล่าโกลเซนต์และพวกเซย์ย่าจนได้รับบาดเจ็บ อาเธน่าจึงตัดสินใจเดินทางไปยังวิหารของลูซิเฟอร์เพียงลำพังเพื่อใช้ชีวิตของตนปกป้องโลกเอาไว้ พวกเซย์ย่าจึงเดินทางไปช่วยโดยต่อสู้กับเหล่า 4 เทพอสูร และสามารถกำจัดลูซิเฟอร์ลงได้ [31][แก้] ภาคโหมโรงสู่ภาคสวรรค์
เซนต์เซย์ย่าฉบับภาพยนตร์ ภาคโหมโรงสู่ภาคสวรรค์ (ญี่ปุ่น: 天界編 序奏~overture~ Tenkai-hen ~ Overture ?) หรือในชื่อภาษาอังกฤษว่า Heaven Chapter ~ Overture ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2547[24] มีเนื้อหาเกี่ยวกับ เหล่าเทพเจ้าแห่งสวรรค์ซึ่งไม่พอใจที่เหล่าเซนต์แห่งอาเธน่าบังอาจโค่นล้มบรรดาเทพต่าง ๆ ลง ดังนั้นจึงส่ง "อาร์เทมิส เทพแห่งดวงจันทร์" พร้อมนักรบแห่งแองเจิ้ล ลงมายังโลกมนุษย์เพื่อกำจัดเซนต์แห่งอาเธน่า อาเธน่าซึ่งไม่ต้องการให้พวกเซย์ย่าต้องต่อสู้อีกครั้งจึงได้ยกการปกครองพื้นปฐพีให้อาร์เทมิส พร้อมทั้งยอมรับการลงทัณฑ์จากสวรรค์แทนเหล่าเซนต์แห่งอาเธน่า หลังจากนั้น เหล่าเซนต์แห่งอาเธน่าก็เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของแซงชัวรี่ที่เกิดขึ้น และได้เข้าต่อสู้กับเหล่าแองเจิ้ลเพื่อช่วยเหลืออาเธน่า อาร์เทมิสซึ่งพบว่าอาเธน่าต้องการขัดขืนคำสั่งสวรรค์โดยการแอบช่วยเหลือพวกเซย์ย่า จึงต้องการสังหารอาเธน่าเสีย แต่เซย์ย่าได้เข้ามาขัดขวาง และทันใดนั้น "อพอลโล เทพแห่งดวงอาทิตย์" ก็ปรากฏตัวขึ้นมา[32][แก้] ฉบับโอวีเอ
ปี พ.ศ. 2545 เซนต์เซย์ย่า ถูกนำมาสร้างเป็นอะนิเมะอีกครั้งในรูปแบบโอวีเอ โดยนำเอาเนื้อเรื่องฉบับการ์ตูนตั้งแต่เล่มที่ 19 -28 มาสร้างและออกฉายทางสถานีโทรทัศน์เคเบิล สกายเพอร์เฟกต์ทีวี โดยใช้ชื่อว่า "เซนต์เซย์ย่า เดอะฮาเดสแชปเตอร์ แซงก์ทัวรี่" ซึ่งเป็นเรื่องราวในช่วงแรกของภาคเจ้านรกฮาเดส มีความยาว 13 ตอน ต่อมา ในปี พ.ศ. 2548 ทางโตเอแอนิเมชันก็สร้างภาคต่อตามมาในชื่อว่า "เซนต์เซย์ย่า เดอะฮาเดสแชปเตอร์ อินเฟอร์โน" ครึ่งแรกมีความยาว 6 ตอน ส่วนครึ่งหลัง สร้างขึ้นและออกอากาศในช่วงปลายปี พ.ศ. 2549 โดยมีความยาว 6 ตอนเช่นเดียวกัน สำหรับภาคสุดท้าย "เซนต์เซย์ย่า เดอะฮาเดสแชปเตอร์ เอลิเชียน" ก็มีความยาว 6 ตอน และออกอากาศในเดือนมีนาคม - สิงหาคม พ.ศ. 2551[33] ซึ่งถือเป็นการปิดฉากภาคฮาเดสอย่างสมบูรณ์ในประเทศไทย "เซนต์เซย์ย่า เดอะฮาเดสแชปเตอร์ แซงก์ทัวรี่" ได้รับลิขสิทธิ์และวางจำหน่ายโดย บริษัท การ์ตูนอินเตอร์ จำกัด ส่วน "เซนต์เซย์ย่า เดอะฮาเดสแชปเตอร์ อินเฟอร์โน" และ "เซนต์เซย์ย่า เดอะฮาเดสแชปเตอร์ เอลิเชียน" ได้รับลิขสิทธิ์และวางจำหน่ายโดย DEX
[แก้] รายชื่อตอนฉบับโอวีเอ
ตอนที่ | เดอะฮาเดสแชปเตอร์ แซงก์ทัวรี่1 | เดอะฮาเดสแชปเตอร์ อินเฟอร์โน2 | เดอะฮาเดสแชปเตอร์ เอลิเชี่ยน3 |
---|---|---|---|
1 | จุดเริ่มต้นของสงครามศักดิ์สิทธิ์ครั้งใหม่ | ข้ามแม่น้ำอาเครอน | เส้นทางสู่ เอลิเชี่ยน |
2 | ผู้โหยไห้ทั้งสาม | ห้องพิพากษาที่เงียบงัน | วิหารเทพเจ้าแห่งความตาย และห้วงนิทรา |
3 | เงาของผู้รุกราน | เซนต์ในตำนาน ออร์เฟ่ | กำลังเสริม สีทอง |
4 | การไถ่บาปของบุรุษครึ่งเทพ | รีเควี่ยมอันแสนเศร้าของออร์เฟ่ | ชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน |
5 | พบพานเพียงชั่วขณะ | ร่างประทับอันน่าตกตะลึงของฮาเดส | ตื่นขึ้นมาจากเทพนิยาย |
6 | นักรบรุ่นก่อน | ศึกปะทะ หนทางสู่จูเด็กก้า | โลกที่อาบด้วยแสงสว่าง |
7 | กลุ่มไหมสีดำ | พระเจ้าลงทัณฑ์ เกรทเทสอีคลิปส์ | |
8 | ช่วงเวลาแห่งความสับสน | อิคคิ หมัดแห่งความรัก | |
9 | สิ้นสุดความภาคภูมิ | อาเธน่า เดิมพันด้วยชีวิต | |
10 | การปะทะของโกลด์เซนต์ | สิ้นหวัง ที่หน้ากำแพงวิปโยค | |
11 | แซงทัวรี่สั่นคลอน | โกลด์คลอธ รวมตัว | |
12 | คลอธของเทพธิดา | ลาก่อน โกลด์เซนต์ | |
13 | รุ่งอรุณแห่งการตัดสิน |
- หมายเหตุ
- อ้างอิงจากวีซีดีฉบับลิขสิทธิ์ของการ์ตูนอินเตอร์
- อ้างอิงจากวีซีดีฉบับลิขสิทธิ์ของ DEX
- ยังไม่มีชื่อตอนภาษาไทยอย่างเป็นทางการ
[แก้] เพลงประกอบ
- ฉบับโทรทัศน์ ตอนที่ 1 - 73
- เพลงเปิด : "เพกาซัสแฟนตาซี" (ペガサス幻想(ファンタジー)) ขับร้องโดยวง MAKE-UP
- เพลงปิด : "เอเอ็น บลู" (永遠ブルー หรือ Blue Forever) ขับร้องโดยวง MAKE-UP
- ฉบับโทรทัศน์ ตอนที่ 74 - 114
- เพลงเปิด : "โซลเยอร์ดรีม" (聖闘士神話(ソルジャードリーム) ขับร้องโดย ฮิโรโนบุ คาเงยามะ และวง BROADWAY
- เพลงปิด : "ยูเมะทาบิบิโตะ" (夢旅人 หรือ Blue Dream) ขับร้องโดย ฮิโรโนบุ คาเงยามะ และวง BROADWAY
- ฉบับโอวีเอ เดอะฮาเดส แชปเตอร์แซงก์ทัวรี่ ตอนที่ 1 - 13
- เพลงเปิด : "จิคิวงิ" (地球ぎ) ขับร้องโดย ยูมิ มัตสึซาวะ
- เพลงปิด : "คิมิ โตะ โอนาจิ อาโอโซระ" (君と同じ青空) ขับร้องโดย ยูมิ มัตสึซาวะ
- ฉบับโอวีเอ เดอะฮาเดส แชปเตอร์อินเฟอร์โน ตอนที่ 1 - 12
- เพลงเปิด : "เมงามิ โนะ เซนชิ ~เพกาซัสฟอร์เอฟเวอร์~" (女神の戦士~Pegasus Forever~) ขับร้องโดย มารีน่า เดล เรย์
- เพลงปิด : "ทาคุสุ โมโนะ เอะ ~มายเดียร์~" (託す者へ~My Dear~) ขับร้องโดย ยูมิ มัตสึซาวะ
- ฉบับโอวีเอ เดอะฮาเดส แชปเตอร์เอลีเซี่ยน ตอนที่ 1 - 6
- เพลงเปิด :"เมงามิ โนะ เซนชิ ~เพกาซัสฟอร์เอฟเวอร์~" (女神の戦士~Pegasus Forever~) ขับร้องโดย มารีน่า เดล เรย์
- เพลงปิด :"คามิ โนะ โซโนะ ~เดล เรกโน~" (神の園~デル・レグノ~) ขับร้องโดย ยูโกะ อิชิบากิ
[แก้] ผู้ให้เสียงตัวละคร
[แก้] ผู้ให้เสียงตัวละครหลัก
ตัวละคร | ญี่ปุ่น (2529 - 2545) | ญี่ปุ่น (2548 - ปัจจุบัน) | ไทย (ช่อง 3 / ปี 2531) [34] | ไทย (ยูบีซี / ปี 2547) | ไทย (Cartoon Inter) | ไทย (DEX / ปี 2552) |
---|---|---|---|---|---|---|
เพกาซัส เซย์ย่า | โทรุ ฟุรุยะ | มาซาคาซึ โมริตะ | พิญโญ สุนวินทรากร | ปิยะ ประวังสุข | ธวัช รัตตะชัย | อิทธิพล มามีเกตุ |
ดราก้อน ชิริว | ฮิโรทากะ ซุซุโอกิ | ทากาฮิโระ ซากุระอิ | นิรุต ณ บางช้าง | นิรุต ณ บางช้าง | ภัคภูมิ ลิ้มมานะสภาพร | มนูญ เรืองเชื้อเหมือน |
ซิกนัส เฮียวงะ | โคอิจิ ฮาชิโมโตะ | ฮิโรอากิ มิอุระ | สัญชัย ปลั่งกมล | ธนกฤต เจนคลองธรรม | ปริญญา กีรกะจินดา | ธนกฤต เจนคลองธรรม |
อันโดรเมด้า ชุน | เรียว โฮริคาวะ | ยูตะ คาสึยะ | นิรุต ณ บางช้าง | สัจจะ กาญจน์นิรันดร์ | ภัทรวุฒิ สมุทรนาวี | |
ฟินิกซ์ อิคคิ | ฮิเดยูกิ โฮริ | คัตสึยูกิ โคนิชิ | สัญชัย ปลั่งกมล | ณรงค์ นามะสนธิ | ปริญญา กีรกะจินดา | ไกวัล วัฒนไกร |
คิโดะ ซาโอริ (อาธีน่า) | เคโกะ ฮัง | ฟุมิโกะ โอริคาสะ | สุธีรา วีรกุล | นงลักษณ์ ฤทธิเรือง | ศรีอาภา เรือนนาค | วิภาดา จตุยศพร |
[แก้] การเปลี่ยนตัวผู้ให้เสียงตัวละคร
ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2548 ได้มีข่าวออกมาว่า เซนต์เซย์ย่า ภาคศึกเจ้านรกฮาเดส เดอะแชปเตอร์อินเฟอร์โน ที่กำลังจะออกอากาศทางช่องเคเบิล สกายเพอร์เฟกต์ทีวี ในเดือนธันวาคม จะมีการเปลี่ยนตัวผู้ให้เสียงตัวละครหลักทั้ง 6 ได้แก่ เซย์ย่า ชิริว เฮียวกะ ชุน อิคคิ และซาโอริ เป็นนักพากย์ชุดใหม่ทั้งหมด[35] ซึ่งแม้ว่าในขณะนั้น ข่าวจะยังไม่ได้รับการยืนยัน แต่ก็สร้างความไม่พอใจให้แก่แฟน ๆ ของเซนต์เซย์ย่าเป็นอย่างมาก จนเกิดกระแสต่อต้านอย่างหนัก โดยมีแฟนๆ จากทั้งในและต่างประเทศเข้าไปโพสต์ข้อความลง BBS ในโฮมเพจของ โทรุ ฟุรุยะ ผู้พากย์เสียงเซย์ย่าคนเดิม เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นการเรียกร้องให้ทางผู้สร้างพิจารณาเรื่องการเปลี่ยนตัวนักพากย์อีกครั้ง โดยให้ความเห็นว่า อย่างน้อยถ้าจะเปลี่ยน ก็จะน่าจะเปลี่ยนหลังจากที่ภาคฮาเดสจบชุดไปแล้ว นอกจากนี้ยังมีการเปิดเว็บไซต์รวบรวมรายชื่อผู้ไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนนักพากย์ในครั้งนี้อีกด้วย[36] แต่ในที่สุดทางเว็บไซต์ของโตเอแอนิเมชัน ก็ได้มีการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการว่าจะเปลี่ยนตัวนักพากย์ตัวละครหลักทั้ง 6 คนจริง ๆและจากกระแสต่อต้านอย่างรุนแรงของแฟน ๆ ทำให้ มาซามิ คุรุมาดะ ผู้แต่งเรื่อง ต้องออกมาชี้แจงเหตุผลว่า ใจจริงแล้วเขาเองก็อยากให้นักพากย์ชุดเดิมพากย์ต่อไปเหมือนกัน แต่นอกจาก โทรุ ฟุรุยะ ผู้พากย์เสียงเซย์ย่าแล้ว คุณภาพเสียงของนักพากย์ตัวละครหลักอีก 5 คนได้ตกลงไปมาก ฟังดูไม่สดใสเหมือนเก่า ประกอบกับการที่ได้เห็นนักพากย์รุ่นใหม่เข้ามาพากย์เสียงของโกลด์เซนต์บางคนแทนนักพากย์รุ่นเก่า เขาจึงต้องการให้เปลี่ยนนักพากย์ทั้ง 5 คนบ้าง โดยเหลือไว้เพียงแค่ฟุรุยะคนเดียว ซึ่งคุรุมาดะได้พูดคุยกับฟุรุยะเกี่ยวกับเรื่องนี้ในเชิงเกลี้ยกล่อมหลายครั้งแล้ว แต่ฟุรุยะก็ยังคงยืนยันว่าจะพากย์กับทีมพากย์ชุดเดิมเท่านั้น หากมีการเปลี่ยนตัวนักพากย์ชุดเดิมแม้แต่คนเดียว เขาก็จะไม่ขอพากย์เสียงเซย์ย่าอีกต่อไปเช่นกัน เรื่องนี้จึงทำให้คุรุมาดะรู้สึกหนักใจไม่น้อย แต่สุดท้ายเมื่อทางทีมงานได้มีมติแน่ชัดว่าจะเปลี่ยนตัวนักพากย์หลักทั้ง 5 คน ฟุรุยะจึงขอถอนตัวออกไปด้วยตามที่เขาได้พูดไว้ ทำให้กลายเป็นต้องเปลี่ยนนักพากย์ใหม่หมดทั้งชุด ดังที่ได้กล่าวมา[37]
[แก้] ละครเพลง
ปี พ.ศ. 2534 เซนต์เซย์ย่าได้ถูกสร้างเป็นละครเพลงในนามของ "บันไดซูเปอร์มิวสิคัล" ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่างบริษัทบันไดและทีวีอาซาฮี โดยมีนักแสดงหลักคือกลุ่มนักร้องวัยรุ่น วง SMAP และวง TOKIO การแสดงละครเพลงชุดนี้จะดำเนินเรื่องโดยใช้เนื้อหาในภาคโปเซดอน และได้เปิดการแสดงตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม ถึง 1 กันยายน พ.ศ. 2534 [38][แก้] รายชื่อนักแสดงหลัก
- เพกาซัส เซย์ย่า : มาซาฮิโระ นาคาอิ (SMAP)
- ดราก้อน ชิริว : สึโยชิ คุซานางิ (SMAP)
- ซิกนัส เฮียวงะ : คัตสึยูกิ โมริ (SMAP)
- อันโดรเมด้า ชุน : ชิงโง คาโทริ (SMAP)
- ฟินิกซ์ อิคคิ : โกโร่ อินางาคิ (SMAP)
- เจ้าสมุทรโปเซดอน / จูเลียน โซโล : ทาคุยะ คิมุระ (SMAP)
- อาริเอส มู : ชิเงะรุ โจชิมะ (TOKIO)
- เวอร์โก้ ชากะ : ไทจิ โคคุบุน (TOKIO)
- สกอร์เปี้ยน มิโร : มาซาฮิโระ มัตสึโอกะ (TOKIO)
- ทอรัส อัลเดบารัน : ทัตสึยะ ยามางุจิ (TOKIO)
- เลโอ ไอโอเรีย : ฮิโรมุ โคจิมะ (TOKIO)
- อาธีน่า : ชิโนบุ นากายามะ
- ซีดราก้อน คาน่อน : ทาเคชิ มายะ
- ไซเรน โซเรนต์ : ยู ไดกิ
- เมอร์เมด เททิส : เมงุมิ ยูกิ
[แก้] เกม
- เซนต์เซย์ย่า ตำนานชุดทอง (聖闘士星矢 黄金伝説) ออกจำหน่ายเมื่อ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2530 โดยบันได
- เซนต์เซย์ย่า ตำนานชุดทอง ภาคสมบูรณ์ (聖闘士星矢 黄金伝説 完結編) ออกจำหน่ายเมื่อ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2531 โดยบันได
- เซนต์พาราไดซ์ เหล่านักรบที่แข็งแกร่งที่สุด (聖闘士★セイントパラダイス~最強の戦士たち) ออกจำหน่ายเมื่อ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2535 โดยบันได
- เซนต์เซย์ย่า ตำนานชุดทอง เพอร์เฟกต์อีดิชั่น (聖闘士星矢 黄金伝説編 Perfect Edition) ออกจำหน่ายเมื่อ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2546 โดยบันได
- เซนต์เซย์ย่า เดอะฮาเดส แชปเตอร์แซงก์ทัวรี่ (聖闘士星矢 聖域十二宮編) ออกจำหน่ายเมื่อ 7 เมษายน พ.ศ. 2548 โดยบันได
- เซนต์เซย์ย่า เดอะฮาเดส แชปเตอร์อินเฟอร์โน (聖闘士星矢 冥王ハーデス十二宮編) ออกจำหน่ายเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 โดยแนมโคบันได
[แก้] ของเล่น
[แก้] เซนต์คลอธซีรีส์
เซนต์คลอธซีรีส์ คือ ของเล่นในรูปแบบตุ๊กตาที่นำมาสวมชุดเกราะได้ ผลิตโดยบริษัทบันได ในช่วงปลายของยุค 1980 (ตั้งแต่ พ.ศ. 2523 - พ.ศ. 2532) ลักษณะของของเล่นจะเป็นหุ่นรูปคนที่มีข้อต่ออยู่หลายจุด ทำให้สามารถจัดท่าทางต่าง ๆ ได้ และมีชิ้นส่วนของชุดเกราะซึ่งแยกมาให้เป็นชิ้น ๆ เพื่อประกอบเข้ากับตัวของหุ่น จนมีลักษณะเหมือนกับเซนต์ในภาพยนตร์การ์ตูน อีกทั้งยังสามารถนำชิ้นส่วนของชุดเกราะไปประกอบเป็นรูปลักษณ์ประจำกลุ่มดาวต่าง ๆ ที่เป็นต้นแบบของชุดเกราะนั้น ๆ เหมือนกับในภาพยนตร์การ์ตูนด้วยบริษัทบันไดได้ออกวางจำหน่ายของเล่นชุดนี้ออกมาหลายตัวด้วยกัน ได้แก่ กลุ่มบรอนซ์เซนต์ แบล็กเซนต์ สตีลเซนต์ โกลด์เซนต์ ก๊อดวอริเออร์ในภาคแอสการ์ด และมารีนเนอร์ในภาคโปเซดอน ส่วนซิลเวอร์เซนต์มีออกมาวางจำหน่ายเพียงตัวเดียวคือ อีเกิ้ล มารีน[39] ยิ่งไปกว่านั้นในประเทศญี่ปุ่นยังเคยมีการจัดแคมเปญพิเศษ 5 ครั้ง เพื่อแจกของเล่นชุดผลิตจำนวนจำกัด ได้แก่ ชุดโกลด์คลอธซาจิททาเรียสปลอม, กล่องใส่ชุดเซนต์, หุ่นเคียวโกอาเรส พร้อมบัลลังก์, ชุดโอดีนโร้บ และชุดบรอนซ์คลอธเวอร์ชันสีดำ ซึ่งต้องส่งชิ้นส่วนที่อยู่ด้านหลังกล่องของเล่นไปร่วมสนุกกับทางบริษัท โดยทางบริษัทจะใช้วิธีจับสลากหาผู้โชคดีที่จะได้รับรางวัลเหล่านั้น[40] แต่ต่อมาในช่วงยุค 2000 (ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543 - พ.ศ. 2552) บริษัทในประเทศไต้หวันก็ได้ทำการผลิตของเล่นเลียนแบบชุดซาจิททาเรียสปลอม หุ่นเคียวโกอาเรส และชุดโอดีนโร้บ จากแคมเปญพิเศษนี้ออกมาวางจำหน่าย[41]
ภายหลังในช่วงปี พ.ศ. 2547 ของเล่นชุดเซนต์คลอธซีรีส์ ได้ถูกนำมาผลิตซ้ำและออกวางจำหน่ายใหม่อีกครั้งโดยบริษัทบันไดฮ่องกง ส่วนในประเทศไทย มีบริษัทดรีมทอยเป็นตัวแทนจำหน่าย[42]
[แก้] กาชาปอง
กาชาปอง คือ หุ่นโมเดลยางขนาดเล็ก ที่ถูกบรรจุอยู่ในภาชนะรูปไข่หรือแคปซูล ซึ่งมีความสวยงามสมจริงในระดับหนึ่ง ของเล่นชนิดนี้มีต้นกำเนิดที่ประเทศญี่ปุ่น[43] เมื่อเราหยอดเหรียญลงในตู้ของเล่นที่บรรจุอยู่ในแคปซูลก็จะร่วงหล่นลงมา ในประมาณปลายปี พ.ศ. 2546 บริษัท บิ๊กวัน ได้เป็นตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยอบ่างเป็นทางการโดยได้นำเข้าสินค้าในรูปแบบของตู้กดหยอดเหรียญมาจัดจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำต่างๆ ทั่วประเทศ [43][แก้] ลำดับการวางจำหน่ายกาชาปองเซนต์เซย์ย่า
- พฤษภาคม พ.ศ. 2545 : บรอนซ์เซนต์ คลอธแรก จำนวน 5 ตัว ได้แก่
- มกราคม พ.ศ. 2546 : บรอนซ์เซนต์ และโกลด์เซนต์ จำนวน 6 ตัว ได้แก่
- พฤษภาคม พ.ศ. 2546 : บรอนซ์เซนต์ และโกลด์เซนต์ จำนวน 6 ตัว ได้แก่
- กันยายน พ.ศ. 2546 : บรอนซ์เซนต์ และโกลด์เซนต์ จำนวน 6 ตัว ได้แก่
- ซิกนัส เฮียวกะ, ซาจิททาเรียส เซย่า, ซาจิททาเรียส ไอโอลอส, แคปริคอร์น ชูร่า, อควอเรียส คามิว และ พิสซิส อโฟรดิตี้
- มกราคม พ.ศ. 2547 : บรอนซ์เซนต์ (คลอธสีทอง) และอาเธน่า จำนวน 6 ตัว ได้แก่
- เพกาซัส เซย์ย่า, ดราก้อน ชิริว, ซิกนัส เฮียวกะ, อันโดรเมด้า ชุน, ฟีนิกซ์ อิคคิ และอาเธน่า
- กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2547 : โกลด์เซนต์ 12 ราศี (ผลิตใหม่) จำนวน 12 ตัว ได้แก่
- แอเรียส มู, ทอรัส อัลเดบารัน, เจมินี่ ซากะ, แคนเซอร์ เดธมาสค์, เลโอ ไอโอเลีย, เวอร์โก้ ชากะ, ไลบร้า โดโก, สกอร์เปี้ยน มิโร, ซาจิททาเรียส ไอโอลอส, แคปริคอร์น ชูร่า, อควอเรียส คามิวและ พิสซิส อโฟรดิตี้
- พฤษภาคม พ.ศ. 2547 : โปเซดอน บรอนซ์เซนต์สวมโกลด์คลอธ และตัวละครภาคสวรรค์ จำนวน 6 ตัว ได้แก่
- โปเซดอน, ซาจิททาเรียส เซย่า, อควอเรียส เฮียวกะ, ไลบร้า ชิริว, เซย่าสวมคลอธใหม่ภาคสวรรค์ และ อิคารอส โทมะ
[แก้] เซนต์คลอธมิธ
ในปี พ.ศ. 2546 บริษัทบันได ได้ผลิตสินค้าของเล่นเซนต์เซย์ย่าในรูปแบบตุ๊กตาสวมชุดเกราะขึ้นมาอีกครั้ง โดยใช้ชื่อว่า "เซนต์คลอธมิธ" ซึ่งเป็นการดัดแปลงและพัฒนาจากของเล่นชุดเก่าอย่างเซนต์คลอธซีรีส์ ทำให้ตัวหุ่นกับชุดเกราะมีความสวยงาม และสมจริงมากขึ้นกว่าเดิม รวมทั้งเปลี่ยนแปลงรูปแบบกล่องที่ใช้บรรจุใหม่ให้มีลักษณะใกล้เคียงกับกล่องใส่ชุดคลอธของเหล่าเซนต์ด้วย[44] โดยทางบริษัทบันไดยังคงทำการผลิตเซนต์คลอธมิธของตัวละครต่างๆ ในเรื่องมาตลอดจนถึงปัจจุบัน และมีบริษัทดรีมทอยเป็นตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย[42][แก้] ลำดับการวางจำหน่ายเซนต์คลอธมิธ
|
|
|
- หมายเหตุ OCE = Original Color Edition
- LC = Lost Canvas
[แก้] พีวีซีฟิกเกอร์ Excellent Model
Excellent Model คือ หุ่นเซนต์เซย์ย่าในรูปแบบของ พีวีซีฟิกเกอร์ ซึ่งถอดประกอบไม่ได้ สูงประมาน 20 เซนติเมตร [45] ถูกผลิตขึ้นในปี พ.ศ. 2550โดยบริษัท เมการ์เฮาส์ และมีบริษัทดรีมทอยเป็นตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย [45] เช่นเดียวกับสินค้า เซนต์คลอธมิธ โดยในช่วงแรกได้กำหนดการวางจำหน่ายชุดแรกในเดือนเมษายน แต่ในตอนหลังได้เลื่อนไปเดือนพฤษภาคม และได้ออกวางจำหน่ายจริงในเดือนมิถุนายน[แก้] ลำดับการวางจำหน่าย พีวีซีฟิกเกอร์ Excellent Model
- พฤษภาคม พ.ศ. 2550 : ดราก้อน ชิริว สูง 21 เซนติเมตร [45]
- พฤษภาคม พ.ศ. 2550 : เพกาซัส เซย์ย่า สูง 18 เซนติเมตร
- พฤษภาคม พ.ศ. 2550 : อาเธน่า ซาโอริ สูง 20 เซนติเมตร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น